ภาพยนต์แฟนตาซี ผจญภัยที่สร้างและอ้างอิงจากหนังสือขายดี The Chronicles of Narnia (2005) ตอน ราชสีห์ แม่มด กับตู้พิศวง เขียนโดยซีเอส ลิวอิส ตีพิมพ์โดยเจฟฟรีย์ เบลสในปี 1950 เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในสมัยสงครามโลก เมื่อครอบครัวของพีเวนซีได้อพยพจากลอนดอนมายังชาญเมืองในบ้านพักตากอากาศของศาสตราจารย์เคิร์ก แล้วทุกๆ อย่างก็เปลี่ยนไปทั้งความแตกแยกของพี่น้องและความสนุกสนาน ความสัมพันธ์ ที่หายไป กลับมาหาพวกเขาอีกครั้งในดินแดนที่ถูกเรียกว่านาร์เนีย กำกับโดย แอนดรูว์ อดัมสัน รับชม หนังออนไลน์ เรื่องอื่นๆ จากผลงานของผู้กำกับในเรื่องอื่นๆ
The Chronicles of Narnia (2005) เนื้อเรื่องย่อ
เมื่อเหล่าพี่น้องครอบครัวพีเวนซี เดินทางมาถึงบ้านของศาสตราจารย์เคิร์กพร้อมกับแม่ของพวกเขา ในคืนวันต่อมา ซูซี่ พีเวนซี (รับบทโดย จอร์จี้ เฮนลีย์) ได้เล่นซ่อนหากับ เอ็ดมันส์ พีเวนซี (รับบทโดย สกันดาร์ เคนส์) แล้วในห้องลึกลับที่เป็นห้องหวงห้าม ซูซี่ ได้เข้าไปหลบซ่อนในตู้เสื้อผ้าห้องนั้น เธอพบว่าในนั้นมีประตูปริศนาที่จะนำทางไปที่ไหนสังแห่งกับอากาศภายในห้องที่เริ่มหนาวเหน็บขึ้นมาทุกที
เมื่อเด็กสาวคนนั้นได้ออกไปก็ได้พบกับคุณ ทัมนัส (รับบทโดย เจมส์ แม็กอะวอย) ที่มีร่างกายเป็นครึ่งมนุษย์และกวางเรนเดียร์ เธอตกใจในความแปลกประหลาดราวกับเวทมนต์มีอยู่จริงๆ แต่เธอยังได้ยินเสียงปีเตอร์จึงรีบกลับเข้าไปในตู้เสื้แผ้าและกลับมาอยู่ในบ้านหลังเดิมอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา ซูซี่ พยายามจะบอกเล่าเรื่องที่เธอพบแต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะกับ ปีเตอร์ พีเวนซี (รับบทโดย วิลเลียม โมสลีย์) พี่ชายคนโต และ ซูซาน พีเวนซี (รับบทโดย แอนนา ป็อปเปิลเวลล์) พี่สาวของเธอ อย่างไรก็ตามมีเพียง เอ็ดมันส์ ที่รับรู้ว่าเป็นเรื่องจริงกับสิ่งที่เขาเห็น แต่เขากลับไม่ช่วยเหลือซูซี่ที่จะอธิบายความจริงในสิงที่ไม่มีใครเชื่อ ถึงแม้ปีเตอร์จะเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าจากเรื่องเล่า แต่ก็ไม่พบสิ่งที่ซูซี่อธิบาย
ในสัปดาห์ต่อมาการเล่นของ ปีเตอร์ และเด็กๆ ได้สร้างความเสียหายให้กับข้าวของในบ้านของศาสตราจารย์ เมื่อแม่บ้านขึ้นมาตรวจสอบเสียงที่ได้ยิน เด็กๆ จึงหลบหนีความผิดแล้วเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่แล้วพบว่าเรื่องในเทพนิยายของ ซูซี่ เป็นเรื่องจริงที่พาพวกเขาทั้งหมดไปยังดินแดนที่เรียกว่านาร์เนีย
ซูซี่ และเด็กตั้งใจที่จะไปที่บ้านของคุณทัมนัส แต่ก็พบว่าเขาได้ถูกจับตัวไปอยู่ที่ปราศาจของแม่มดขาว (รับบทโดย ทิลดา สวินตัน) ที่ต้องการหลอกเด็กมนุษย์มาสังเวยชีวิต เพื่อลบล้างคำทำนายในการโค่นล้มบัลลังค์ของเธอ ปีเตอร์และเด็กๆ ได้พบเพียงตัวบีเวอร์ที่พูดได้และอธิบายเรื่องราวอันน่ากลัวของแม่มดขาวที่ออกล่าพวกเขาในตอนนี้
การพักกินอาหารที่บ้านของบีเวอร์ได้ทำให้เหล่าเด็กๆ บ้านพีเวนซี เขาใจถึงสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในนาร์เนียและคำทำนายที่พวกเขาไม่ยอมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แล้วกำหนดการเดินทางที่จะไปตามหากองทัพของอัซลานในวันรุ่งขึ้นได้ทำให้เอ็ดมันส์กลับไปหาแม่มดขาวที่เคยหลอกล่อเด็กชายคนนั้นด้วยขนมหวาน ปีเตอร์ พยายามที่จะตามหาเอ็ดมันส์ แต่เขากลับไปถึงที่ปราสาทของแม่มดขาวแล้ว บีเวอร์ จึงเตือนให้เหล่าเด็กๆ ร่วมเดินทางไปกับพวกเขา ในขณะที่หมาป่าของแม่มดขาวเริ่มออกไล่ล่ามนุษย์แล้วทำลายหมู่บ้านของบีเวอร์
ในที่สุดเด็กๆ ก็ปลอดภัยในกองทัพของอัซลาน พวกเขายังคงต้องทำตามคำทำนายและอาวุธที่ได้รับจากซานตาครอสก็ถือเป็นของรางวัลในการผจญภัยตามคำทำนายของครอบครัวพีเวนซีที่จะได้ครองบัลลังค์ในนาร์เนียและดูแลอาณาจักรให้สงบสุข เมื่อแม่มดขาวได้ยินเรื่องเหล่านั้นกับการเดินทางที่หลีกหนีฝูงหมาป่าไปได้ เธอต้องการทำข้อแลกเปลี่ยนและหยุดสงครามด้วยการเข้าไปพูดคุยกับอัซลาน แต่เขาต้องการทดเวลาในการชนะสงครามเพื่อให้เด็กๆ ได้มีเวลาฝึกการสู้รบในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วยการสละชีวิตบนแท่นหินของการเสียสละ
สงครามในนาร์เนียยังคงดำเนินต่อไป ปีเตอร์ ได้นำกองทัพของอัซลานบุกโจมตีบนเนินหญ้าที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ ซูซาน และซูซี่ ยังคงอยู่ที่แท่นบูชาแล้วรอเวลาที่อัซลานจะฟื้นคืนชีพ พวกเขาได้ปลดปล่อยกองทัพและอัศวินที่ถูกสาปให้เป็นน้ำแข็งที่ปราสาทของแม่มดขาวในช่วงที่เธอกำลังอยู่ในสนามรบ กองทัพของปีเตอร์เริ่มออกกำลังกับจำนวนนักรบที่มีน้อยกว่ากองทัพของแม่มด แต่อัซลานและกองทัพที่ฟื้นคืนชีพได้กลับไปช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ได้ทัน สงครามจบลงอัซลานเป็นฝ่ายชนะ
ดังนั้นแล้วเมื่อคำทำนายได้กลายเป็นจริง อัซลาน จึงจากไปแล้วแต่งตั้งเด็กมนุษย์ ปีเตอร์ ,เอ็ดมัน ,ซูซาน และซูซี่ ที่จะเป็นกษัตริย์หรือผู้นำในบัลลังค์ของนาร์เนีย หลายปีผ่านไปที่พวกเขามีความสุขและเติบโตท่ามกลางป่าไม้ที่เงียบสงบในอาณาจักรของนาร์เนียจนลืมไปว่าพวกเขาเริ่มต้นการผจญภัยนี้จากตู้เสื้อผ้าในบ้านของศาสตราจารย์ เด็กๆ ได้จากนาร์เนียแล้วกลับไปที่โลกมนุษย์อีกครั้งพร้อมกับความเยาว์วัยในการเป็นเด็กเหมือนครั้งที่จากมา เมื่อประตูอีกโลกปิดตัวลงศาสตราจารย์เจ้าของบ้านเชื่อว่าเรื่องราวของซูซี่ยังคงเป็นเรื่องจริง